สูตร VLOOKUP ใน Excel ใช้งานอย่างไรให้ถูกต้อง
ถ้าคุณเคยเจอปัญหาในการดึงข้อมูลจากตาราง Excel ขนาดใหญ่ หรือต้องการเชื่อมโยงข้อมูลจากชีตหนึ่งไปยังอีกชีตหนึ่งอย่างแม่นยำ สูตร VLOOKUP คือหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่คุณควรรู้จัก
แม้ชื่ออาจฟังดูเทคนิคอล แต่เมื่อเข้าใจหลักการใช้งานจริงแล้ว สูตรนี้จะช่วยประหยัดเวลาทำงานของคุณได้มาก และยังเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลในระดับต่อไป
🔍 VLOOKUP คืออะไร?
VLOOKUP (Vertical Lookup) คือฟังก์ชันใน Excel ที่ใช้ “ค้นหาข้อมูลในแนวตั้ง” จากคอลัมน์แรกของตาราง แล้วนำค่าที่เกี่ยวข้องจากคอลัมน์อื่นๆ มาแสดงผล
📌 รูปแบบการใช้งานสูตร
=VLOOKUP(lookup_value, table_array, col_index_num, [range_lookup])
องค์ประกอบ | ความหมาย |
---|---|
lookup_value |
ค่าที่ต้องการค้นหา |
table_array |
ช่วงของตารางข้อมูล |
col_index_num |
ลำดับคอลัมน์ที่ต้องการแสดงผล |
range_lookup |
TRUE = ค่าประมาณ, FALSE = ค่าตรงเป๊ะ (แนะนำใช้ FALSE) |
✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง
โจทย์: ต้องการดึงชื่อพนักงานจากรหัสพนักงานในอีกชีต
รหัสพนักงาน | ชื่อ |
---|---|
A001 | กิตติ |
A002 | อรทัย |
หากคุณใส่รหัส A001 ในเซลล์ D2
และต้องการดึงชื่อมาแสดงใน E2
ใช้สูตร:
=VLOOKUP(D2, A2:B10, 2, FALSE)
ผลลัพธ์: แสดงคำว่า “กิตติ”
ดูตัวอย่างและลองทำตามนี้ดูนะครับ
เพื่อให้เข้าใจง่ายว่า “ต้องกรอกในตารางยังไง” เวลาจะใช้สูตร VLOOKUP
ดึงชื่อพนักงานจากรหัสในอีกชีต คุณสามารถทำตามขั้นตอนนี้ได้เลยครับ:
📊 สมมติการจัดวางข้อมูลใน Excel:
🔹 ชีตแรก (เช่น Sheet1):
เป็นหน้าที่คุณจะกรอกรหัสพนักงาน แล้วให้ Excel ดึงชื่อมาให้
D | E |
---|---|
D1 | รหัสพนักงาน |
E1 | ชื่อพนักงาน |
D2 | A001 |
E2 | (= สูตรจะอยู่ตรงนี้) |
ในเซลล์ E2 คุณจะใส่สูตร:
=VLOOKUP(D2, Sheet2!A2:B10, 2, FALSE)
🔹 ชีตที่สอง (เช่น Sheet2):
เก็บข้อมูลรหัสพนักงานและชื่อ
A | B |
---|---|
A1 | รหัสพนักงาน |
B1 | ชื่อพนักงาน |
A2 | A001 |
B2 | กิตติ |
A3 | A002 |
B3 | อรทัย |
💬 คำอธิบายสูตร
=VLOOKUP(D2, Sheet2!A2:B10, 2, FALSE)
-
D2
: คือรหัสพนักงานที่คุณต้องการค้นหา -
Sheet2!A2:B10
: คือช่วงตารางที่เก็บข้อมูล (ในชีตที่ 2) -
2
: หมายถึงดึงค่าจากคอลัมน์ที่ 2 (ชื่อพนักงาน) -
FALSE
: หมายถึง ต้องตรงเป๊ะเท่านั้นถึงจะดึงได้
✅ ผลลัพธ์:
หากใน D2 มี “A001” → สูตรใน E2 จะโชว์ “กิตติ”
หากทั้งข้อมูลและรหัสพนักงานอยู่ในชีตเดียวกัน ก็ไม่ต้องใส่ Sheet2!
ให้ใช้แค่:
=VLOOKUP(D2, A2:B10, 2, FALSE)
⚠️ ข้อควรระวังในการใช้ VLOOKUP
-
ตารางค้นหาต้องมี คอลัมน์ค้นหาอยู่ด้านซ้ายสุด
-
ค่าที่ค้นหาต้อง ตรงกันเป๊ะ ถ้าใช้
FALSE
-
หากมีหลายค่าซ้ำกัน VLOOKUP จะดึง ค่าที่เจอก่อน เท่านั้น
💡 Tips ใช้ VLOOKUP อย่างมืออาชีพ
-
ใช้
IFERROR()
ครอบสูตรเพื่อจัดการค่าผิดพลาด
เช่น:=IFERROR(VLOOKUP(...), "ไม่พบข้อมูล")
-
ใช้
ชื่อช่วงข้อมูล
(Named Range) เพื่อให้อ่านง่ายและจัดการสะดวก -
หากต้องค้นหาจากหลายเงื่อนไข แนะนำใช้ INDEX + MATCH แทน
🧠 แบบทดสอบเล็ก ๆ: คุณเข้าใจ VLOOKUP ดีแค่ไหน?
เลือกคำตอบที่ถูกต้อง
-
สูตรใดที่ถูกต้องตามหลักการของ VLOOKUP?
A.=VLOOKUP(A1, B1:B10, 3)
B.=VLOOKUP(A1, A2:C10, 2, FALSE)
-
ถ้าค่าที่ค้นหาไม่ตรงเป๊ะและคุณใช้
FALSE
ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร?
A. แสดงค่าประมาณ
B. แสดง #N/A -
ถ้าคุณอยากให้แสดง "ไม่พบ" เมื่อหาไม่เจอ ต้องใช้สูตรแบบใด?
A.=VLOOKUP(...)
B.=IFERROR(VLOOKUP(...), "ไม่พบ")
✅ เฉลย: 1-B / 2-B / 3-B
🧾 สรุป
-
สูตร VLOOKUP เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการดึงข้อมูลจากตาราง
-
ควรใช้ร่วมกับ
IFERROR
เพื่อความปลอดภัย -
ระวังเรื่องตำแหน่งคอลัมน์ และค่าซ้ำ
-
เมื่อเข้าใจหลักการแล้ว จะสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายสถานการณ์
🙏 ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบครับ
หากบทความนี้เป็นประโยชน์ อย่าลืมกดไลก์ แชร์ หรือคอมเมนต์พูดคุยกันด้านล่าง
แล้วพบกันใหม่ในบทความ Excel ตอนถัดไปครับ!
📚 แหล่งอ้างอิง:
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น